โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ เปิดให้บริการถึง วันที่ 16 เมษายน 2561 (ปีหน้า)
————————–
แฮมิลตันส์ ห้องสเต็กเฮ้าส์ ของโรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ ตั้งตามชื่อเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนแรก อยู่ชั้นเดียวกับล็อบบี้ของโรงแรม ร้านตกแต่งด้วยไม้เนื้อสีน้ำตาล ฝานังห้องประดับไปด้วยรูปตกแต่งซึ่งเป็นภาพของกรุงเทพในสมัยก่อนซึ่งหาชมได้ยาก
โต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาว ใช้เก้าอี้ไม้สีดำเพิ่มความหรูด้วยเบาะด้วยกำมะหยี่สีแดง วิวด้านนอกของร้านเป็นสวนสวยและน้ำตก
มื้อดินเนอร์ทางร้านจะปรับความสว่างของไฟลง ค่อนข้างสลัว พร้อมทั้งเปิดเพลงบรรเลงสไตล์อเมริกันรุ่นเก่าช่วยสร้างบรรยากาศตอนดินเนอร์ได้เป็นอย่างดี ถูกอกถูกใจคนชอบฟังเพลงไป ทานอาหารไปอย่างผมมาก
แฮมินตันส์ สเต็กเฮ้าส์ ให้บริหารมื้อเที่ยงด้วยเซ็ทลันซ์ สองคอร์ส ราคา 990++ บาท และ สามคอร์สราคา 1,200++ บาท ส่วนมื้อดินเนอร์เสริฟเป็นอะลาคาร์ตเมนู เมนูเด็ดประจำห้องอาหารอาทิ แบล็กแองกัสสไตล์อเมริกันอละออสเตรเลี่ยน , วากิวญี่ปุ่น ,สเต็กปลาแซลมอนเป็นต้น
มื้อกลางวัน (จันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 11.20 – 14.30 น.)
มื้อค่ำ (จันทร์ ถึง อาทิตย์ เวลส 18.00 – 22.00 น.)
สำหรับวันนี้มิสเตอร์เลิฟไดนิ่งเอสได้มีโอกาสไปร่วมงาน “โรเบิร์ต มอนดาวี่ ไวน์ดินเนอร์” ไวน์ระดับพรีเมี่ยม จากนาปา วัลเล่ย์ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคอไวน์มาอย่างยาวนาน โดยงานจัดในค่ำคืนที่ 20-21 กรกฎาคม 2560
งานเริ่มประมาณ 18.30 น. ที่บาร์ของโรงแรม โดยภายในงานจะเสริฟ Welcome Cocktail : Robert Mondavi Woodbridge White Zinfandel 2014 พร้อมด้วยทาปาสให้ทานรองท้องก่อนถึงมื้อดินเนอร์
หลังจากเอนจอยกับทาปาสและเวลคัมดริงก์เรียบร้อยแล้ว ประมาณทุ่มนิดๆ พนักงานของร้านก็มาเชิญไปที่ห้องอาหารแฮมิลตันส์ เพื่อทานมื้อดินเนอร์ ซึ่งประกอบด้วยอาหารมื้อค่ำ 5 คอร์ส ที่จับคู่กับไวน์ระดับพรีเมี่ยม โรเบิร์ต มอนดาวี่ จากนาปา วัลเล่ย์
ขนมปังคอลพลิเมนทารี่ กับ เนย
1st Course : Fresh Crab Salad with Pineapple, Deep-fried Calamari Ring, Micro Herbs and Grapefruit Jelly
Paired with Robert Mondavi Private Selection Sauvignon Blanc 2015
สลัดปูเนื้อหวานทานคู่กับปลาหมึกชุบแป้งทอดเคล้าสมุนไพร ตัดรสด้วยเกรปฟรุตเจลลี่รสเปรี้ยว
2nd Course : Homemade Maine Lobster Ravioli, Light Lobster Foam with Avocado Chips
Paired with Robert Mondavi Private Selection Chardonnay 2015
ราวิโอลี่ ลวกมาได้หนึบดีเคี้ยวเพลิน ไส้ในเป็นเมนลอบสเตอร์ ราดด้วยโฟมลอบสเตอร์ กลิ่นหอม รสเค็มอ่อน
ทานคู่กับกับอะโวคาโดชิพกรอบ
3rd Course : Pan-fried Keta Salmon Lightly Smoked with 4 Spices, Green Fava Beans and White Asparagus.
Paired with Robert Mondavi Private Selection Pinot Noir 2015
แซลมอนนำไปกริลจนหนังกรอบแต่เนื้อยังคงความนุ่ม และ ชุ่มไปด้วยน้ำในตัวปลา ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ 4 ชนิด ทานกับเสิร์ฟถั่วฟาวารสหวาน และแอสพารากัส
4th : Duo of USDA Beef Tenderloin and Short Ribs, Parsnips Mousseline, Baby Turnips and Red Wine Sauce
Paired with Robert Mondavi Napa Valley Cabernet Sauvignon 2013
เนื้อสันใน USDA ระดับความสุกแบบมีเดียมแรร์ ตัวเนื้อนุ่มมาก ทานคู่กับ ชอทริบซึ่งผ่านกรรมวิธีการปรุงแบบสโลว์คุก ราดด้วยซอสไวน์แดง ตัวชอทริบนิ่มมากแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย มีมันบดเนื้อเนียนและแครอทเป็นเครื่องเคียงเข้ากันดี
5th : Chocolate Raspberry Creation with Cherry Sauce
Paired with Robert Mondavi Woodbridge Zinfandel 2014
มูสช็อกโกแลต เนื้อเนียน รสหวาน 4 ชั้น ทอปปิ้งด้วยราสเบอร์รี่ ตัดเปรี้ยวด้วยซอสเชอร์รี่ เป็นของหวานปิดท้ายที่อร่อยมากครับ
เป็นมื้ออาหารที่ประทับใจมากๆครับ โดยเฉพาะสเต็กเนื้อนุ่มมาก ปลาแซลมอนที่กริลจนหนังกรอบ อร่อยสมเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน